ไอทีไร..เล็ดทุกที? ปัสสาวะเล็ดแก้ได้! รู้ทันสาเหตุ วิธีป้องกัน และการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

MORPHEUS8-V-&-V-Tone---อย่าให้ปัญหา-ฉี่เล็ด
เลือกอ่านข้อมูลที่สนใจ

ต้องการปรึกษาปัญหาความงามกับ Aestima

ฟอร์มปรึกษาปัญหา (หน้าแรก)

          คุณผู้หญิงหลายคนอาจจะเคยเจอเหตุการณ์เวลาหัวเราะ ไอ หรือจาม แล้วมีอาการปัสสาวะเล็ดออกมาจนเกิดความวิตกกังวลว่าจะมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา หรืออายเวลาปัสสาวะเล็ดโดยไม่ตั้งใจ ต้องคอยใส่แผ่นอนามัยตลอดเวลาเพื่อความสบายใจ เป็นปัญหาที่บั่นทอนความมั่นใจในชีวิตประจำวันอย่างมาก หลายคนคิดว่าปัสสาวะเล็ดเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้สูงอายุ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ อาการเหล่านี้สามรถเกิดได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 30 หรือคุณแม่หลังคลอด หลายคนเริ่มมีอาการแต่ไม่กล้าพูดถึง คุณไม่ต้องทนกับปัญหานี้อีกต่อไป เพราะอาการปัสสาวะเล็ดสามารถป้องกันและรักษาได้

อาการปัสสาวะเล็ด

          อาการปัสสาวะเล็ด เป็นอาการที่ปัสสาวะไหลออกมาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ หรืออาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มักเกิดขณะไอ จามหรือปวดปัสสาวะ โดยมีการแบ่งประเภทของอาการออกเป็น 2 แบบ คือ

ปัสสาวะเล็ดแบบเฉียบพลัน (Acute Incontinence)

          จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เกี่ยวข้องกับภาวะชั่วคราว เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ, การใช้ยาบางชนิด หรือการดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไป นอกจากนี้ยังอาจเกิดกับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหว เช่น ผู้ที่ต้องนอนพักฟื้นหรือผู้ที่ฟื้นตัวจากการผ่าตัด และผู้ที่มีอาการท้องผูกเรื้อรังได้ เมื่อได้รับการรักษาถูกต้องตามสาเหตุแล้ว อาการปัสสาวะเล็ดก็จะหายไป

ปัสสาวะเล็ดแบบเรื้อรัง (Chronic Incontinence)

          จะมีอาการปัสสาวะเล็ดหรือไหลออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน สาเหตุหลักมักมาจากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานไม่แข็งแรง ไม่สามารถรับแรงดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้องได้ทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมา, การคลอดบุตร, วัยหมดประจำเดือน หรือโรคประจำตัว เช่น เบาหวานและโรคทางระบบประสาท ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลระยะยาว

อาการที่ควรสังเกตและไม่ควรมองข้าม คือ

  • ปัสสาวะเล็ดเวลาหัวเราะ ไอ จาม หรือออกกำลังกาย
  • มีความรู้สึกปวดปัสสาวะกะทันหัน ควบคุมไม่ทัน
  • ปัสสาวะไหลเล็ดโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ แต่ปริมาณแต่ละครั้งไม่มาก
  • รู้สึกไม่กล้าเข้าสังคม หรือเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างเพราะกลัวเล็ด

สาเหตุของปัสสาวะเล็ด

สาเหตุจากร่างกาย

  • การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร: น้ำหนักของมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปกดทับกระเพาะปัสสาวะและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลง นอกจากนี้ การคลอดบุตรทางช่องคลอดก็อาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทบริเวณนั้นยืดหรือได้รับความเสียหายได้
  • วัยหมดประจำเดือน: เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยนี้ ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ซึ่งฮอร์โมนนี้มีส่วนช่วยรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ เมื่อระดับฮอร์โมนลดลงจึงอาจส่งผลให้ควบคุมการปัสสาวะได้ยากขึ้น
  • การผ่าตัดในบริเวณอุ้งเชิงกราน: การผ่าตัดมดลูก หรือการผ่าตัดอื่นๆ บริเวณอุ้งเชิงกรานอาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้รับผลกระทบ ทำให้ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้

สาเหตุจากโรคประจำตัว

  • โรคเบาหวาน: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานานอาจทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะเสียหาย หรืออาจทำให้มีการผลิตปัสสาวะเพิ่มขึ้นจนควบคุมได้ยาก
  • โรคอ้วน: น้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงดันอย่างต่อเนื่องต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลงและนำไปสู่อาการปัสสาวะเล็ดได้

สาเหตุจากพฤติกรรม

  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มเหล่านี้มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยและรวดเร็วกว่าปกติ
  • การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหลักของอาการไอเรื้อรัง ซึ่งการไอแต่ละครั้งจะเพิ่มแรงดันในช่องท้องและสร้างแรงกดต่อกระเพาะปัสสาวะ นำไปสู่อาการปัสสาวะเล็ดขณะไอได้
  • การได้รับบาดเจ็บ: การได้รับบาดเจ็บรุนแรงบริเวณหลังหรืออุ้งเชิงกรานอาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
  • การออกกำลังกาย: บางท่าอาจส่งผลต่อความไม่กระชับของช่องคลอดได้ โดยเฉพาะท่าที่เพิ่มแรงดันในช่องท้อง เช่น การยกของหนัก, เวทเทรนนิ่งบางรูปแบบ, หรือท่าที่มีการกระแทกสูง

กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอทำให้ปัสสาวะเล็ด

ความสำคัญของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
          กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานคือกลุ่มกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณส่วนล่างของอุ้งเชิงกราน ทำหน้าที่ช่วยพยุงอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะ, ลำไส้ใหญ่ และมดลูกในผู้หญิง

          นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการทำงานของระบบขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ โดยทำหน้าที่ช่วยเปิดและปิดหูรูดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เราสามารถกลั้นปัสสาวะได้ตามต้องการ หากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเกิดการคลายตัว อยู่ในสภาวะที่อ่อนแรง หรือหดตัวได้น้อยลง จะส่งผลทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้

ภาวะปัสสาวะเล็ดในผู้หญิง

ทำไมผู้หญิงถึงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย?

          ด้วยโครงสร้างร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสเผชิญกับปัญหาปัสสาวะเล็ดมากกว่าผู้ชายถึง 2–3 เท่า โดยเฉพาะในช่วงชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ เช่น การตั้งครรภ์ การคลอดบุตร และวัยหมดประจำเดือน หรือเริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุ

ปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิงเกิดปัสสาวะเล็ดบ่อย

  • การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร มดลูกที่มีการขยายใหญ่ขึ้นกดทับกระเพาะปัสสาวะ และการคลอดทางช่องคลอดทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานยืดหรือฉีกขาด จึงควบคุมการกลั้นปัสสาวะได้ยากขึ้น
  • วัยหมดประจำเดือน เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อในอุ้งเชิงกรานบางลงและไม่แข็งแรง
  • น้ำหนักตัวเกิน ไขมันหน้าท้องกดทับอุ้งเชิงกราน เพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้ปัสสาวะเล็ดง่ายขึ้น
  • การผ่าตัดสูตินรีเวช เช่น การตัดมดลูก อาจกระทบต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะ

การวินิจฉัยปัสสาวะเล็ดสำคัญอย่างไร?

          การวินิจฉัยปัสสาวะเล็ดก่อนเข้ารับการรักษานั้นสำคัญ โดยจะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจภายใน การตรวจปัสสาวะ และการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องทางเดินปัสสาวะ เพื่อหาสาเหตุและประเมินความรุนแรงของอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้แพทย์สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การรักษาปัสสาวะเล็ด

          การรักษาภาวะปัสสาวะเล็ดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกายด้วยตัวเอง จนถึงการรักษาทางการแพทย์ เพื่อฟื้นฟูความสามารถในการควบคุมการปัสสาวะ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

การออกกำลังกายกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

          เป็นวิธีการรักษาเริ่มแรกในผู้ที่มีอาการปัสสาวะเล็ดที่อาการยังไม่รุนแรง ด้วยการ Kegel Exercise คือการฝึกขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานค้างไว้เป็นเวลา 5 วินาที และคลายออก 5 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง อาจจะต้องใช้เวลานานและต้องฝึกขมิบให้ถูกต้องถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

การใช้ยาเพื่อรักษาอาการปัสสาวะเล็ดในผู้หญิง

          แพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ยาที่ใช้รักษาอาการปัสสาวะเล็ดในผู้หญิงส่วนใหญ่จะช่วยให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะผ่อนคลาย หรือช่วยให้กล้ามเนื้อหูรูดท่อปัสสาวะทำงานได้ดีขึ้น แนะนำว่าไม่ควรซื้อยาทานเองหรือหลงเชื่อคำโฆษณาในอินเตอร์เน็ต เพราะอาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ เสียเงินฟรี หรืออาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

การผ่าตัดรักษาแก้ปัสสาวะเล็ด

          การผ่าตัดส่วนใหญ่จะเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะปัสสาวะเล็ดชนิดรุนแรง แต่การผ่าตัดก็มีความเสี่ยงหลายอย่าง เช่น การติดเชื้อ รอยแผลเป็น หรือภาวะแทรกซ้อนจากเครื่องมือแพทย์ที่ใช้ เป็นหัตถการที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง คนไข้ที่เริ่มมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ไม่จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดทุกคน ควรเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมกับระดับความรุนแรงของปัญหาก่อน และพิจารณาการผ่าตัดเป็นทางเลือกสุดท้าย

โปรแกรม Morpheus 8 V และ V Tone ที่ Aestima Clinic

โปรแกรม Morpheus8 V

          จะส่งพลังงาน Fractional RF ผ่านเข็มเคลือบทองคำ เข้าไปช่วยสร้างเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ช่องคลอดมีความกระชับขึ้น พร้อมกระตุ้นการผลิตน้ำหล่อเลี้ยง ให้มีความชุ่มชื้น รวมถึงช่วยรักษาอาการปัสสาวะเล็ด เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นควรทำคู่กับโปรแกรม V Tone ใช้เวลาในการทำเพียงแค่ 30-60 นาทีต่อครั้ง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

โปรแกรม V Tone

          เป็นเทคโนโลยี EMS (Electrical Muscle Stimulation) ด้วยพลังงานไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยตรง ช่วยสร้างการหดตัวของกล้ามเนื้อ แค่นอนเฉย ๆ ก็เทียบเท่ากับการทำ Kegel หลายพันครั้ง ช่วยในการรักษาอาการไอ จาม แล้วปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ทำให้น้องสาวฟิตกระชับขึ้น โดยใช้เวลาในการทำเพียงแค่ 20-30 นาทีต่อครั้ง ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

ทำไมโปรแกรม Morpheus 8 V และ V Tone ถึงน่าสนใจ ?

  • ไม่ต้องผ่าตัด แต่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มี ปัญหาปัสสาวะเล็ดและความกระชับโดยไม่เสี่ยงหรือพักฟื้นนาน
  • เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาจากโปรแกรม Morpheus 8 โดย Morpheus 8 V มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อดูแลจุดซ้อนเร้นโดยเฉพาะทั้งภายในและภายนอก สามารถกระตุ้นคอลลาเจนภายในช่องคลอดได้อย่างล้ำลึกและยาวนาน
  • ไม่มี downtime ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อ่างปกติ

การดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันปัสสาวะเล็ด

          พฤติกรรมในชีวิตประจำวันถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดได้ และการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น

ปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำและการขับถ่าย

  • ดื่มน้ำอย่างเหมาะสม ไม่ควรดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย และไม่ควรดื่มมากเกินไปอาจทำให้ปวดปัสสาวะบ่อย ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมตลอดวันอย่างน้อย 8 แก้ว
  • เข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ฝึกการเข้าห้องน้ำตามตารางเวลาที่กำหนด ไม่ควรรอให้รู้สึกปวดอย่างรุนแรงแล้วค่อยขับถ่าย การฝึกเช่นนี้จะช่วยให้กระเพาะปัสสาวะคุ้นชินกับการกักเก็บน้ำปัสสาวะได้ดีขึ้น และไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน
  • ป้องกันอาการท้องผูก ภาวะท้องผูกเรื้อรังทำให้ต้องเบ่งถ่าย ซึ่งเพิ่มแรงดันในช่องท้องและไปกดทับกระเพาะปัสสาวะได้ ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอลงได้ง่าย ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำให้เพียงพอ

ลดน้ำหนักและควบคุมอาหาร

  • ควบคุมน้ำหนัก น้ำหนักตัวที่มากเกินไปจะเพิ่มแรงดันที่ช่องท้องและกระเพาะปัสสาวะ การลดน้ำหนักจึงช่วยลดภาระที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และลดอาการปัสสาวะเล็ดได้

หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดบ่อย

  • งดสูบบุหรี่ เพราะทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง สาเหตุทำให้ปัสสาวะเล็ด การเลิกบุหรี่จึงช่วยลดอาการนี้ได้
  • ระวังการยกของหนัก: การยกของหนักจะเพิ่มแรงดันในช่องท้องอย่างรุนแรงได้
  • บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอย่างสม่ำเสมอ โดยฝึกการทำ Kegel เป็นประจำทุกวันจะช่วยให้กล้ามเนื้อสำคัญนี้แข็งแรงอยู่เสมอและฟิตกระชับขึ้น

คำแนะนำ

          อาการปัสสาวะเล็ดไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องทนหรือต้องอายไปตลอดชีวิต เพราะความมั่นใจของคุณสามารถสร้างได้ ด้วยการเข้าใจสาเหตุและการหาวิธีดูแลตัวเองที่ถูกต้องและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม เริ่มต้นด้วยการปรับพฤติกรรม ร่วมกับการทำ Kegel Exercise อย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี

เมื่อไหร่ที่ควรเข้าพบแพทย์?

          หากอาการปัสสาวะเล็ดเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ เช่น ทำให้คุณอับอาย, ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ชอบ หรือมีผลกระทบต่อการทำงานและการเข้าสังคม นั่นคือสัญญาณว่าคุณควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษา อย่าปล่อยให้อาการนี้เป็นเรื่องปกติที่คุณต้องทนอยู่
อาการปัสสาวะเล็ดเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและสามารถรักษาให้หายขาดได้ การเปิดใจปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณค้นพบทางออกที่เหมาะสม เพื่อฟื้นฟูสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพิ่มความมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

เรื่องราวที่คุณอาจสนใจ

Program Sculptra Body นวัตกรรมยกกระชับผิวเต่งตึง สร้างคุณภาพผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

ฉีดแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน เป็นคลื่น หย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย แตกลาย ด้วย Program Sculptra Body คืนความสมดุลให้ผิวชุ่มชื่น เฟิร์มกระชับอย่างมีประสิทธิภาพ

Read More »

XERF Program นวัตกรรมยกกระชับผิวใหม่ ตอบโจทย์ผิวอ่อนเยาว์

XERF Program เทคโนโลยี Dual-Frequency Monopolar RF ยกกระชับผิวหน้า ลดริ้วรอย ลดเหนียง กรอบหน้าชัด ฟื้นฟูคอลลาเจน เห็นผลนาน 8 – 12 เดือน ไม่ต้องพักฟื้น คลิกเลย!

Read More »

เพราะความงาม มาพร้อมกับการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด

ขอบคุณทุกความไว้วางใจของคนไข้ทุกท่านที่เลือกเอสติมา คลินิก เราสัญญาว่าจะไม่หยุดสร้างสรรค์บริการและความประทับใจให้แก่คนไข้ของเราทุกคนตลอดไป

Read More »

ต้องการปรึกษาปัญหาความงามกับ Aestima

ฟอร์มปรึกษาปัญหา (หน้าแรก)