วิธีลดเหนียงใต้คาง ทำยังไงให้ได้ผลจริง? เคล็ดลับที่ควรรู้
รู้หรือไม่? ว่าคนไทยมากกว่า 60% ยิ่งช่วงในวัยทำงาน ส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับปัญหา “เหนียงใต้คาง” หรือ “คางสองชั้น” อาจจะเกิดจากการที่มีไขมันส่วนเกินสะสมในบริเวณใบหน้าจนทำให้เกิดเป็น “เหนียง” หรือ ก้อนไขมัน ในบางคนอาจจะเกิดได้ทั้งที่ไม่ได้อ้วนเลย? หลายคนเชื่อว่าเหนียงเกิดจากน้ำหนักเกินเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเหนียงสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น พันธุกรรม ความหย่อนคล้อยของผิว หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ปัญหานี้ไม่เพียงทำให้ใบหน้าดูมีอายุ แต่ยังลดความมั่นใจเวลาถ่ายรูปหรือเจอผู้คน วันนี้เราจะพาคุณมาเจาะลึก วิธีลดเหนียงใต้คางแบบได้ผลจริง ทั้งทางธรรมชาติและเทคนิคการแพทย์ที่ควรรู้!
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการลดเหนียงใต้คาง
เหนียงใต้คาง หรือที่หลายคนเรียกว่า “คางสองชั้น” นั้นเกิดจากการสะสมของไขมันและการหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณใต้คาง ทำให้รูปหน้าไม่คมชัด ดูกลม และดูย้อยเป็นก้อนใต้คาง ยิ่งก้มหน้ายิ่งทำให้เห็นชัดเจนขึ้น ส่งผลให้หลายคนขาดความมั่นใจ จนไม่กล้าที่จะถ่ายเซลฟี่อีกต่อไป
ก่อนจะเริ่มหาวิธีลดเหนียง เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “เหนียง” หรือ Double Chin นั้นคืออะไร? เหนียงคือชั้นไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คางและลำคอ ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและดูเหมือนมีคางสองชั้น ซึ่งมักจะสร้างความไม่มั่นใจให้กับหลายๆ คน โดยความหนักเบาของเหนียงนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม น้ำหนักตัว หรือแม้กระทั่งอายุที่เพิ่มขึ้น
การลดเหนียงจึงไม่ได้มีแค่เพียงวิธีเดียว แต่ต้องอาศัยการผสมผสานหลายๆ วิธีเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การออกกำลังกาย และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาช่วย
สาเหตุของเหนียงใต้คาง
การเกิดหนียงใต้คางไม่ได้แปลว่าเราอ้วนเสมอไป แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดเหนียงใต้คางได้ ซึ่งสาเหตุหลักๆ มีดังนี้
- พันธุกรรม
บางคนอาจมีลักษณะใบหน้าและโครงสร้างกระดูกที่เอื้อต่อการเกิดเหนียงตั้งแต่เกิด ถึงแม้ว่าจะมีการควบคุมน้ำหนักได้ดีก็ตาม ก็ทำให้เกิดเหนียงใต้คางได้ - น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
เมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ร่างกายจะสะสมไขมันส่วนเกินไว้ทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณใต้คาง เกิดเป็นก้อนไขมันใต้คาง ทำให้คางเป็นสองชั้น - อายุ
เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวจะเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวหนังบริเวณคอและคางหย่อนคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วง จนเกิดเป็นเหนียงชัดเจน - ท่าทางในการใช้ชีวิต
การก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ หรือการมีท่าทางที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคออ่อนแอและเกิดเหนียงได้เช่นกัน - ฮอร์โมนและการเผาผลาญ
เมื่ออายุมากขึ้น ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ไขมันจึงสะสมง่ายขึ้น - โรคประจำตัวบางชนิด
บางครั้งเหนียงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาไทรอยด์ หรือภาวะบวมน้ำ
วิธีลดเหนียง
การลดเหนียงอย่างยั่งยืนต้องอาศัยวินัยและการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีหลักๆ ที่สามารถทำได้มีดังนี้
การออกกำลังกายใบหน้าและลำคอ
การออกกำลังกายไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวิ่งหรือเข้ายิมเท่านั้น การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าและลำคอก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระชับผิวหนังและลดไขมันส่วนเกินได้เช่นกัน
- ท่าเงยหน้า: เงยหน้าขึ้นมองเพดาน จากนั้นทำปากจู๋เหมือนกำลังจะจูบเพดาน ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 10-15 ครั้ง
- ท่าเคี้ยวหมากฝรั่ง: ทำท่าเหมือนเคี้ยวหมากฝรั่งแต่ไม่ใช้หมากฝรั่ง โดยเน้นการขยับกรามขึ้น-ลงให้สุด ทำซ้ำ 20-30 ครั้ง
- ท่าแลบลิ้น: เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แลบลิ้นออกมาให้สุดและชี้ไปทางจมูก ค้างไว้ 10 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้ง
- ท่ายืดคอ: ก้มศีรษะลงช้าๆ พยายามให้คางชิดกับหน้าอก ค้างไว้ 5 วินาที แล้วเงยหน้าขึ้นกลับสู่ท่าปกติ ทำซ้ำ 10 ครั้ง
การบริหารกล้ามเนื้อเหล่านี้เป็นประจำทุกวันจะช่วยให้คางและลำคอดูเรียวกระชับขึ้นได้อย่างเห็นผล
การควบคุมน้ำหนักและโภชนาการ
อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นว่าสาเหตุหลักของเหนียงคือไขมันสะสม การควบคุมอาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
- ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง: เลือกทานอาหารไขมันต่ำและลดของทอด ของมัน
- ทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น: ผักและผลไม้อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยขับสารพิษและช่วยให้ผิวพรรณสดใส
- ลดปริมาณโซเดียม: อาหารที่มีโซเดียมสูงจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและเกิดอาการบวมได้
การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์
ในกรณีที่วิธีธรรมชาติไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด หรือต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน การพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
การฉีดสารลดไขมัน
ที่เอสติมา คลินิก มีการนำนวัตกรรมในการลดไขมัน ด้วยสาร Deoxycholic acid โดยจะเข้าไปช่วยในการลดไขมันโดยเข้าไปเจาะรูที่ผิวของเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันแตกและถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางระบบน้ำเหลือง ช่วยลดเหนียงให้เล็กลง ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดเข้าไปดูยกกระชับขึ้น ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ได้ผลลัพธ์ที่ดี ไม่ดื้อยา ไม่แสบ ใช้เวลารักษาไม่เกิน 15 นาที จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนใน 2 สัปดาห์และยายังคงทำงานต่อไปอีก 2 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ควรทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง 1-8 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความหนาของไขมันส่วนเกินในแต่ละบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน
โปรแกรม XERF
เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ใช้หลักการทำงานด้วยนวัตกรรม Dual-Frequency ครั้งแรกที่เป็นการผสานความถี่คลื่นวิทยุสองระดับเข้าด้วยกัน ได้แก่ 6.78 MHz และ 2 MHz เป็นการเพิ่มจำนวนคลื่น พร้อมยกประสิทธิภาพในการส่งพลังงานอย่างอัจริยะ มอบผลลัพธ์ที่โดดเด่นด้านการยกกระชับ ช่วยลดริ้วรอย ลดไขมันบนใบหน้า และฟื้นฟูผิวกระตุ้นคอลลาเจนได้ยาวนาน
จุดเด่นของโปรแกรม XERF
- WAVE FIT PULSE TECHNOLOGY
ส่งพลังงานความถี่สม่ำเสมอ ทำให้คนไข้รู้สึกสบายผิวตลอดการทำหัตถการ โดยไม่ต้องมีการแปะยาชาก่อนทำ - SPIDER PATTERN EFFECTOR
หัว EFFECTOR ดีไซน์พิเศษเพื่อลดการเกิด ‘Edge Effect’ หรือ การกระจุกตัวของพลังงานทำให้บาดเจ็บได้ ส่งพลังงานสม่ำเสมอทุกบริเวณพื้นผิว - REAL-TIME TEMPERATURE MONITORING
เทคโนโลยีตรวจจับอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ - ICD Cooling
ระบบทำความเย็นอัตโนมัติที่ช่วยปกป้องผิวชั้นบน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยและช่วยทำให้คนไข้สบายผิวมากขึ้น
ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม XERF
- ลดหย่อนคล้อย ยกผิวชัด ยาวนาน
- ลดปัญหารูขุมขนกว้าง ปรับสภาพผิวเรียบเนียน
- ลดเลือนริ้วรอย ลดปัญหาร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ผิวอิ่มฟูขึ้น
- ทำให้ผิวรอบดวงตา ตึงกระชับขึ้น
- ลดไขมันส่วนเกิน ยกกระชับ สร้างกรอบหน้าชัด
โปรแกรม Thermage FLX
โปรแกรม Thermage FLX เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ส่งพลังงานความร้อนไปที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Tissue) โดยจะส่งความร้อนเข้าไปลดไขมันใต้ผิว และเร่งการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกระชับ เหนียงหาย ฟื้นฟูผิวที่มีความหลวมให้กลับมาแน่นกระชับมากขึ้น และด้วยเทคโนโลยี AccuREP และระบบสั่น (Vibrating Handpiece) ทำให้คนไข้รู้สึกสบายมากขึ้นในขณะทำ
จุดเด่นของโปรแกรม Thermage FLX
- ไม่ต้องผ่าตัด : เป็นหัตถการแบบ Non-invasive ไม่มีทิ้งรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
- หัวทิปขนาดใหญ่กว่าเดิม : ครอบคลุมพื้นที่ผิวได้กว้างขึ้น ทำให้ทำเสร็จเร็วกว่าเวอร์ชันเก่า
- ทำครั้งเดียว อยู่ได้นาน : ไม่จำเป็นต้องทำหลายครั้งต่อเนื่อง เห็นผลยาวนาน 12–18 เดือน
- ใช้ได้หลายบริเวณ : ทั้งใบหน้า รอบดวงตา ลำคอ ไปจนถึงลำตัว
ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม Thermage FLX
- ผิวกระชับขึ้น ร่องแก้มและกรอบหน้าดูชัดขึ้น
- ลดความหย่อนคล้อยของผิวหนัง
- ลดไขมันใต้คาง เหนียงหาย ผิวดูเฟิร์มขึ้น
- ผิวแน่นเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง
- ใบหน้าดูอ่อนเยาว์แบบเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง
- เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และชัดเจนขึ้นภายใน 2–3 เดือน
โปรแกรม Morpheus PRO
โปรแกรม Morpheus Pro ทำงานโดยใช้หัวทิปสำหรับบริเวณใบหน้าที่มีเข็มขนาดเล็กจำนวน 24 และ 40 เข็ม ส่งพลังงาน RF เข้าสู่ผิวในระดับความลึกที่แตกต่างกันตั้งแต่ 1 – 8 มิลลิเมตร เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาในทุกชั้นผิว ตั้งแต่ผิวหนังชั้นตื้นไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิว พลังงานความร้อนจาก RF จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างและจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเกิดการหดตัวและกระชับขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังบริเวณใต้คางซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเหนียง
ที่ Aestima Clinic เราดูแลด้วยเทคนิค Absolute Tight ที่ไม่มีใครเหมือน ด้วยการวางแผนแนวการยิงและการปรับค่าพลังให้เหมาะสมแบบเฉพาะบุคคล การเลือกใช้หัวทิปโปรแกรม Morpheus Pro ในการทำการรักษาก็สำคัญ ทาง Aestima Clinic ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในกรณีของ การลดไขมันใต้เหนียงนั้น หากใช้เทคนิคหรือหัวทิปที่แตกต่างกัน ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันเช่นกัน ดังนั้นเราจึงปรับทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับแต่ละคน
จุดเด่นของโปรแกรม Morpheus Pro
- ยกกระชับได้ทั้งใบหน้าและลำตัว: สามารถใช้รักษาได้หลากหลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ลำคอ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือแม้กระทั่งบริเวณที่มีปัญหาผิวแตกลาย
- ครอบคลุมปัญหาผิวที่หลากหลาย: นอกจากจะช่วยยกกระชับผิวแล้ว ยังช่วยลดเหนียง ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียน และสามารถช่วยรักษาหลุมสิวได้อีกด้วย
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน: หลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองใน 2-3 วัน และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน: หลังทำรู้สึกได้ว่าหน้ายก เหนียงหด เห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 1-3 เดือนและอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล
- ควบคุมความลึกของพลังงานได้: แพทย์สามารถปรับระดับความลึกของเข็มและพลังงานให้เหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละคน ทำให้การรักษาแม่นยำและตรงจุด
ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม Morpheus Pro
- ผิวยกกระชับและเต่งตึงขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
- ลดเลือนริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยลึก
- ใบหน้าดูเรียว เหนียงดูเล็กลง และกรอบหน้าชัดเจนขึ้น
- ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ และสีผิวดูสม่ำเสมอ
- ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและรอยแตกลาย ทั้งบนใบหน้าและลำตัว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว
โปรแกรม Ultherapy Prime
นวัตกรรมยกกระชับผิวรุ่นล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจากโปรแกรม Ultherapy SPT โดยใช้เทคโนโลยี Micro-Focused Ultrasound ที่สามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า
จุดเด่นของโปรแกรม Ultherapy Prime
- แม่นยำและเห็นผลชัดเจน: มีหน้าจอแสดงผลแบบ Full HD ที่ใหญ่ขึ้นถึง 35% ทำให้แพทย์สามารถเห็นชั้นผิวได้อย่างชัดเจนแบบเรียลไทม์ และวางแผนการยิงพลังงานได้อย่างตรงจุด
- ใช้เวลาทำน้อยลง: ด้วยระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น 20% ทำให้ระยะเวลาในการทำหัตถการสั้นลง
- เจ็บน้อย : การปรับปรุงเทคโนโลยีทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกสบายขึ้นและเจ็บน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้า
- ผลลัพธ์ที่ชัดเจน : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูแน่น เต่งตึง และยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น: หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรม Ultherapy Prime
- ผิวรู้สึกกระชับขึ้นหลังทำ : หลังทำจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าตึงขึ้นหลังทำ เนื่องจากคอลลาเจนเก่าที่ได้รับความร้อนจะเกิดการหดตัวทันที
- ลดเลือนริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยลึก
- ใบหน้าดูเรียว เหนียงดูเล็กลง และกรอบหน้าชัดเจนขึ้น
- ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ
- ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและรอยแตกลาย ทั้งบนใบหน้าและลำตัว
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ในระยะยาว
การดูดไขมันใต้คาง
หัตถการทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่บริเวณใต้คางและลำคอ โดยใช้เครื่องมือแพทย์ที่มีลักษณะเป็นท่อสอดเข้าไปใต้ผิวหนังผ่านแผลขนาดเล็กบริเวณใต้คางหรือหลังใบหู เพื่อสลายและดูดไขมันส่วนเกินออกมา แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงชั่วคราว เช่น อาการบวมช้ำ อาการชา หรือ ผิวไม่เรียบเนียน ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ การทำหัตถการนี้ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อการดูแลอย่างความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การปรับไลฟ์สไตล์เพื่อลดการเกิดเหนียง
- ปรับท่าทางการนั่งและยืน พยายามยืดหลังและคอให้ตรง ไม่ก้มหน้าหรือห่อไหล่
- หลีกเลี่ยงการก้มหน้าเล่นโทรศัพท์นานๆ ควรพักสายตาและยืดคอบ้างเป็นระยะ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลให้ร่างกายขาดสมดุลและกระบวนการเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่
- ควบคุมน้ำหนักและโภชนาการ เลือกทานอาหารไขมันต่ำและลดของทอด ของมันและอาหารที่มีโซเดียมสูงจะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำและเกิดอาการบวมได้ เลือกทานผักและผลไม้อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และน้ำดื่มให้เพียงพอ
สรุป
เหนียงใต้คางเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งพันธุกรรม ความหย่อนคล้อยของผิว หรือไขมันสะสม ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำหนักตัวเท่านั้น การลดเหนียงจึงควรเลือกวิธีที่ตรงกับสาเหตุของแต่ละคน สำหรับคนที่อยากเห็นผลเร็วหรือมีไขมันสะสมชัดเจน การทำหัตถการก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว แนะนำว่าก่อนเข้ารับการทำหัตถการควรเข้าปรึกษากับแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อจะจะได้วางแผนและเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาได้อย่างตรงจุด พร้อมคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพปลอดภัย และเห็นผลจริง

