ลมออกจากช่องคลอด หรือที่เรียกกันว่า Queefs คือการเกิดเสียงภายในจุดซ่อนเร้นในขณะมีการเคลื่อนไหวร่างกาย หรือร่วมทำกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รัก ซึ่งอาการที่ว่ามานี้อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนขาดความมั่นใจและเสียความรู้สึก นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์กับคู่รักนำไปสู่การหย่าร้างได้ หากมีอาการลมออกจากช่องคลอดเกิดขึ้นบ่อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่ต้องระวังและควรให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ที่มาของปัญหาอาการลมออกจากช่องคลอด น้องสาวมีเสียง นั้นเกิดจากอะไร? แล้วต้องดูแลรักษาอย่างไร? เอสติมา คลินิก ได้รวบรวมคำตอบมาไว้ให้แล้วค่ะ
ลมออกจากช่องคลอด หรือน้องสาวมีเสียง คืออะไร?
ลมออกทางช่องคลอด หรือน้องสาวมีเสียง เป็นอาการที่เกิดจากการที่ผนังช่องคลอดหย่อนยาน และขยายตัว เกิดมากในผู้หญิงที่ผ่านการคลอดลูก ช่องคลอดมีการใช้งานบ่อยครั้งและสม่ำเสมอ การยกของหนัก ทำให้ช่องคลอดหลวมและเกิดความดัน ทำให้ลมภายนอกเข้าไปอยู่ภายในช่องคลอด และเมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รัก ลมที่อยู่ภายในช่องคลอดก็จะเคลื่อนตัวออกมาสู่ภายนอก จนเกิดเป็นเสียงคล้ายการผายลม
ลมออกจากช่องคลอด เกิดจากอะไร?
- การคลอดบุตร อาการช่องคลอดหลวม มีลมออกจากช่องคลอด ส่วนใหญ่จะพบในคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะคุณแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีการกรีด หรือตัดฝีเย็บเพิ่ม ขั้นตอนเหล่านี้ทำให้เกิดอาการช่องคลอดหลวมหรือหย่อนยานได้
- กิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รัก การที่ช่องคลอดมีการใช้งานบ่อยครั้ง และสม่ำเสมอเป็นเวลานาน อาจจะส่งผลให้ช่องคลอดหลวม มากกว่าผู้ที่นาน ๆ จะมีการใช้งาน และในขณะร่วมกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รักนั้น อาจจะมีอากาศเข้าไปในช่องคลอด ทำให้มีลมและเสียงออกมาได้ในระหว่างทำกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รัก
- อายุมากขึ้น เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายย่อมเสื่อมไปตามวัย โดยเฉพาะผู้ที่เข้าสู่วัย 50 ปีขึ้นไป ฮอร์โมนในร่างกายก็จะลดลง ส่งผลทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมีความหย่อนคล้อย และเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดหลวม
- พฤติกรรมอื่น ๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้ช่องคลอดเปิด โดยการออกกำลังกายบางประเภทก็ทำให้เกิดลมออกจากช่องคลอดหรือน้องสาวมีเสียงได้ เช่น การสควอท ปั่นจักรยานกลางอากาศ ยกน้ำหนัก ก็จะทำให้มีลมเข้าออกจากน้องสาวเราได้เช่นกัน และช่วงที่ประจำเดือนมา การยกของหนัก หรือการออกแรงบ่อย ๆ ที่ทำให้เกิดการเกร็งช่องท้อง ก็เป็นส่วนที่ทำให้เกิดภาวะมีลมออกจากช่องคลอดได้
โรคประจำตัวอะไรบ้าง? ที่มีผลทำให้ช่องคลอดหลวม และมีลมออกจากช่องคลอด
โรคประจำตัวต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะลมออกจากช่องคลอดได้ เช่น โรคหอบหืด โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไอเรื้อรัง โรคเหล่านี้เป็นโรคที่อาจก่อให้เกิดแรงดันในช่องท้องมากขึ้น และส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้รับแรงดันนั้นด้วย ทำให้เกิดปัญหาอุ้งเชิงกรานหย่อนคล้อย เป็นสาเหตุของการเกิดช่องคลอดหลวมได้ในที่สุด
มีลมออกจากช่องคลอด วิธีแก้ด้วยการขมิบอุ้งเชิงกราน
การรักษาอาการลมออกจากช่องคลอด โดยการบริหารร่างกายส่วนล่าง ด้วยเทคนิค Kegel exercise เป็นการฝึกขมิบช่องคลอด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาอวัยวะในกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อน และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อภายในช่องคลอดให้กลับมาฟิต กระชับมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
วิธีทำ Kegel exercise สามารถฝึกทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ไม่ยาก โดยให้ออกแรงดึงกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอด เข้าด้านในและค้างไว้ 5-10 วินาที นับเป็น 1 ครั้ง การฝึกขมิบที่ถูกต้องจะต้องขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้านหน้าไม่ใช่กล้ามเนื้อก้นหรือกล้ามเนื้อหน้าท้อง ระหว่างทำให้หายใจตามปกติ ไม่กลั้นหายใจ สามารถทำได้ตลอดเวลาที่ต้องการ โดยอาจทำรอบละ 20-30 ครั้ง ตามความสะดวก
ประโยชน์ของการทำ Kegel exercise
- ช่วยทำให้ช่องคลอดกลับมาฟิตกระชับมากยิ่งขึ้น เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงในช่วง 3 เดือนแรก อาจจะต้องทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ
- ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- ช่วยลดปัญหาปัสสาวะเล็ด
การรักษาด้วยโปรแกรม Morpheus8 V และ V Tone ไม่ต้องผ่าตัด
นวัตกรรมล่าสุด! ที่ถูกพัฒนามาเพื่อดูแลสุขภาพภายในของผู้หญิงโดยเฉพาะด้วยเครื่อง Empower RF เป็นกลุ่มเทคโนโลยีที่ใช้ Energy-based device ผสานการทำงานของคลื่นความถี่วิทยุทั้งสองขั้ว และกระแสไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อ มาพร้อมหัวยิงที่หลากหลาย และโดดเด่นด้วยหัวยิงพิเศษ
- โปรแกรม Morpheus8 V คือ นวัตกรรมที่ถูกพัฒนามาจาก Morpheus 8 เพื่อดูแลจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ ด้วยการปล่อยพลังงาน Fractional RF ส่งพลังงานได้ 360 องศา สามารถเข้าไปช่วยสร้างเนื้อเยื่อและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ใช้เวลาในการทำเพียงแค่ 30-60 นาทีต่อครั้ง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไร้รอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น ขณะทำแค่รู้สึกอุ่น ๆ หลังทำควรงดทำกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รัก 3 วัน นอกนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- โปรแกรม V Tone ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้วยคลื่นไฟฟ้า Electrical Muscle Stimulation (EMS) ช่วยฟื้นฟูภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหย่อน คล้ายการขมิบ (Kegel exercise) สามารถส่งพลังงานเข้าสู่ภายในช่องคลอดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ใช้เวลาในการทำเพียงแค่ 20-30 นาทีต่อครั้ง แค่นอนบนเตียงสบาย ๆ ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ผลลัพธ์ในการแก้ปัญหาลมออกจากช่องคลอด หรือน้องมีเสียง ด้วยโปรแกรม Morpheus8 V และ V Tone
สำหรับโปรแกรม Morpheus8 V และ V Tone เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยทำให้ช่องคลอดกลับมามีความยืดหยุ่น ฟิต กระชับ ยกเครื่องน้องสาวใหม่เหมือนวัยแรกแย้มอีกครั้ง โดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และไร้รอยแผล ขณะทำแค่รู้สึกอุ่น ๆ ไม่เสี่ยงมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ตามมาหลังทำ ที่เอสติมา คลินิก มีแพทย์ผู้ชำนาญการ ที่พร้อมดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิด ให้ความเป็นส่วนตัวแก่คนไข้ และใส่ใจดูแลทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบวางแผนการรักษาด้วยเทคนิค “Super Tight” รักษาได้อย่างแม่นยำตรงจุด และปรับค่าพลังงานให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับปัญหาและการักษาที่ดียิ่งขึ้น
ข้อดีของโปรแกรม Morpheus8 V และ V Tone
- ช่วยกระชับช่องคลอดที่หย่อนคล้อย
- แก้อาการไอจามปัสสาวะเล็ด และกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
- คืนความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่
- กระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่น แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
- ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที
- หลังจากทำการรักษาเรียบร้อย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ไม่ต้องผ่าตัดจึงไม่มีผลข้างเคียง
- เพิ่มความสุขในกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับคู่รัก
เลือกกระชับช่องคลอดที่ไหนดี?
สำหรับคนที่ประสบปัญหามีอาการช่องคลอดหลวม ไอจามปัสสาวะเล็ด มีลมออกจากช่องคลอด หรือคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ที่กังวลว่าหลังคลอดแล้วจะเจอกับปัญหานี้อยู่ ทาง เอสติมา คลินิก มองว่าปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพภายในของผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาและดูแลในส่วนจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ ด้วยโปรแกรม Morpheus8 V และ V Tone โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด ลดการเสี่ยงของอาการแทรกซ้อนและผลข้างเคียง พร้อมทั้งดูแลด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการ และที่สำคัญอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้มีความสะอาด คุณภาพดีมีมาตรฐาน ดูแลทุกขั้นตอน เพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์การรักษาที่ดี