ผิวหน้าไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง แก้ไขอย่างไรได้บ้าง?
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนและรูขุมขนกว้างเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในช่วงอายุ 25-50 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวัน ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเป็นตุ่มเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รูขุมขนอุดตัน การผลิตน้ำมันส่วนเกิน ปัญหาสิวและรอยแผลเป็น รวมถึงอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น นอกจากนี้การที่ผิวหน้าไม่เรียบเนียนเป็นตุ่ม อาจเกิดจากโรคผิวหนังบางประเภท ที่ควรจะต้องรักษา ซึ่งอาจจะส่งผลถึงปัญหาด้านสุขภาพด้วย
ในบทความนี้ Aestima Clinic จะมาตอบทุกคำถามที่ทุกคนสงสัย เกี่ยวกับสาเหตุ วิธีการดูแล และการรักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนและรูขุมขนกว้าง พร้อมทั้งแนะนำเทคโนโลยีการรักษาล่าสุดที่มีประสิทธิภาพสูงและให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
หน้าไม่เรียบเนียน คืออะไร?
ผิวหน้าไม่เรียบเนียน หมายถึง สภาพผิวที่ขาดความเรียบเนียนไม่สม่ำเสมอ อาจมีลักษณะเป็นตุ่ม รอยขรุขระ รูขุมขนกว้าง จุดด่างดำ หรือมีสิว สิวผด และรอยแผลเป็น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ผิวดูไม่สม่ำเสมอและขาดความกระจ่างใส
สาเหตุของผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนและรูขุมขนกว้าง มีสาเหตุหลายประการ ได้แก่
- พันธุกรรม
พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดลักษณะของผิว เช่น ขนาดรูขุมขน ลักษณะเส้นขน ความไวต่อสิ่งกระตุ้น น้ำมันบนผิว ระดับฮอร์โมน และแนวโน้มการเกิดสิวหรือริ้วรอย ทำให้แต่ละบุคคลมีผิวที่ต่างกัน ทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนในระดับความรุนแรงไม่เท่ากัน หรือเป็นโรคผิวหนังได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ฮอร์โมนบางชนิด โดยเฉพาะกลุ่มแอนโดรเจน (Androgen) และ Dihydrotestosterone (DHT) มีผลโดยตรงต่อการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวมันขึ้น รูขุมขนกว้าง และเกิดสิวได้ง่าย
- ฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Hormone) มีบทบาทสำคัญในการกักเก็บน้ำของผิว ส่วนฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีและคอลลาเจน ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิวหน้า
3. การสร้างน้ำมันบนใบหน้ามากเกินไป
การผลิตฮอร์โมนในร่างกายก็มีส่วนส่งผลต่อการสร้างน้ำมันในผิวหนัง ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องมากที่สุดคือฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเทอโรน ทำให้ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะมีหน้ามันมากกว่าผู้หญิง ร่วมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น สิว และรูขุมขนกว้าง
4. การขาดการดูแลผิวที่เหมาะสม
การไม่ดูแลและทำความสะอาดผิว หรือทำความสะอาดผิวหน้าอย่างไม่เหมาะสม เช่น ขัดผิวมากเกินไป ล้างหน้ารุนแรงเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว อาจทำให้ผิวระคายเคือง สูญเสียความชุ่มชื้น ทำให้เกิดรูขุมขนกว้าง และทำให้ผิวไม่เรียบเนียนได้
5. มลภาวะและแสงแดด
มลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกิดการระคายเคือง ผดผืน และรังสี UV สามารถทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ มีริ้วรอย และสูญเสียความเรียบเนียน
6. ความเครียด
ความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งกระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกิน ทำให้เกิดสิวและผิวมันมากขึ้น
7. อายุที่เพิ่มขึ้น
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เมื่ออายุน้อย ผิวจะเรียบเนียน เต่งตึง เนื่องจากมีคอลลาเจนและอีลาสตินจำนวนมาก อีกทั้งยังฟื้นฟูตัวเองได้ดี ทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ยาก
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้ผิวมีแนวโน้มเป็นสิว หน้ามัน รูขุมขนกว้าง และเกิดรอยสิวได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ในช่วงวัยที่มากขึ้น ริ้วรอยเริ่มปรากฏ แผลหายช้าลง และมีแนวโน้มเกิดโรคผิวหนัง เช่น ฝ้า กระ สิวข้าวสาร และสิวหิน ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเรียบเนียนของผิวหน้า
การดูแลผิวหน้าไม่เรียบเนียนด้วยตนเอง
การดูแลผิวไม่เรียบเนียนด้วยตนเองสามารถทำได้ด้วยวิธี ดังนี้
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดและเบามือทุกครั้งด้วยวิธีที่ถูกต้อง
- งดการบีบสิวเพราะจะทำให้ผิวหน้าถูกทำลายและเกิดปัญหารอยสิวหลุมสิวรอยดำรอยแดง
- เลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกแดดเพราะแสงแดดเป็นต้นเหตุให้ผิวหน้าถูกทำลาย
- นวดหน้าเบาๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- รับประทานผักและผลไม้ที่มีประโยชน์
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
การป้องกันการเกิดผิวหน้าไม่เรียบเนียน
วิธีป้องกันการเกิดผิวหน้าที่ไม่เรียบเนียน เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เอสติมา คลินิก ได้รวมเคล็ดลับไว้ให้แล้วมีอะไรบ้างมาดูกัน
- รักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ สำหรับคนที่แต่งหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในการเช็ดเครื่องสำอางอย่างหมดจดล้างหน้า
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น
- บำรุงและดูแลผิวให้มีสุขภาพดีด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวชุ่มชื่นและควบคุมความมันบนใบหน้า ใช้ครีมกันแดดที่มีปริมาณที่เหมาะสม ถ้ามากเกินไปอาจจะทำให้เกิดความมันบนผิวได้
- ศึกษาข้อมูลส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะบำรุงผิวดูเพื่อลดโอกาสในการเกิดการแพ้ต่างๆ
การรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนสามารถรักษาได้หลายวิธี ตามปัญหาและความเหมาะสมตามบุคคล
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเข้าถึงง่าย มีตัวเลือกหลากหลาย และช่วยดูแลปัญหาผิวเบื้องต้นได้ดี หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- การรักษาสิวและรอยสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide, Tea Tree Oil หรือ Salicylic Acid และใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำเพื่อลดการระคายเคืองจากการรักษาสิว
- ผิวแห้งและระคายเคืองง่าย ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น Ceramide หรือ Hyaluronic Acid เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำ เนียนใส และลดโอกาสที่ทำให้ผิวแห้งหรือไม่เรียบเนียน
- ยาใช้ภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากโรคผิวหนัง โดยเฉพาะโรคสิว ที่รับคำแนะนำและทำการรักษาสิวกับแพทย์ผิวหนัง โดยตัวยารักษาสิว คือ Benzoyl peroxide ที่มีสรรพคุณในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย P. acne ที่ทำให้เกิดสิว รวมไปถึงยาทาในกลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ (Retinoids) ยาเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนเลือกใช้ทุกครั้ง ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา
- มาสก์หน้า ด้วยแผ่นมาสก์หน้าหรือวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้งหรือโยเกิร์ต
- ขัดผิวหน้า อย่างอ่อนโยนด้วยสครับที่เหมาะสม
- ใช้เซรั่มบำรุง ที่ช่วยกระชับรูขุมขนและเพิ่มความเรียบเนียน
หัตถการที่ช่วยรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียน
นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์และยาทา ยังมีหัตถการที่ช่วยปรับปรุงสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรม Radiesse คือ นวัตกรรมฟื้นฟูผิวและโครงสร้างผิวอย่างล้ำลึก จัดอยู่ในกลุ่มสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน(Biostimulator) และเป็นสารเติมเต็มซึ่งแตกต่างจากโปรแกรมฟิลเลอร์ทั่วไป ประกอบด้วยสารสำคัญคือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ หรือ ที่เรียกกันว่า CaHA (Calcium Hydroxylapatite microsphere) สารที่พบได้ในเนื้อเยื่อกระดูก และสามารถสลายไปตามธรรมชาติด้วยระบบของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูการทำงทำงานของ Fibroblast ทำให้เกิดการสร้างคอลลลาเจนใหม่ใต้ผิว และสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ สามารถกระตุ้นสารที่สำคัญต่อผิว ได้ถึง 5 ชนิด
- เพิ่มคอลลาเจน Type I 150% ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียน
- เพิ่มคอลลาเจน Type III 130% ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง แน่น เต่งตึงขึ้น
- เพิ่ม Elastin 260% ทำให้ผิวเด้ง มีความยืดหยุ่น
- เพิ่ม Proteoglycan ช่วยอุ้มน้ำในผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น และป้องกันริ้วรอยได้
- เพิ่ม Angiogenesis ช่วยเสริมสร้างหลอดเลือดเล็ก ให้มีสารอาหารไปเลี้ยงผิวทำให้ผิวอมชมพู
นอกจากนี้ยังมอบ 3 ผลลัพธ์ที่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลังทำและยาวนานกว่าที่เคยได้แก่
- Healthier ผิวเฟิร์ม แน่นกระชับ อิ่มฟูเด้ง ผิวมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
- Younger ริ้วรอยลดลง ยกกระชับขึ้น ผิวดูเด็กลงอีกครั้ง
- Longer ยืดอายุผิวคุณภาพดีได้ยาวนานขึ้น
หลังทำโปรแกรม Radiesse จะเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลง หลังทำผ่านไป 1 เดือนจะรู้สึกได้ว่าผิวมีความกระชับขึ้น มีความยืดหยุน แน่นฟู เรียบเนียนมากกว่าที่เคย จะเเห็นผลลัพธ์เต็มที่ใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
โปรแกรม Sculptra คืออนุภาคของสาร Poly-L-Lactic acid หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PLLA เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ( Biostimulator) มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งจะทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น พร้อมกระตุ้นการสร้าง Collagen Type 1 มากถึง 66.5% คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ฟื้นฟูโครงสร้างผิวอย่างล้ำลึก จะช่วยทำให้ผิวกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึก ทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3 ปี
โปรแกรม Harmonyca นวัตกรรมที่ผสานสองพลังการบำรุงผิวไว้ในหนึ่งเดียว ด้วยเทคโนโลยี Dual Effects ที่ช่วยยกกระชับเห็นผลลัพธ์หลังทำอย่างชัดเจน และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นกระชับยาวนานด้วยสารประกอบสำคัญ ดังนี้
- HA (Hyaluronic Acid) เติมความชุ่มชื้น ให้ผิวอิ่มฟู แลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
- CaHA (Calcium Hydroxylapatite) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เสริมความแน่นกระชับของผิว
ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวดูยกขึ้นหลังทำ จะยิ่งกระชับแน่นขึ้นและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อผ่านไป 1-3 เดือน พร้อมสามารถคงผลลัพธ์ได้ถึง 18 เดือน
หัตถการเครื่องยกกระชับผิวที่ช่วยรักษาผิวหน้าไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง
โปรแกรม Ultherapy Prime
โปรแกรม Ultherapy Prime คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวตัวล่าสุดที่ถูกพัฒนาขึ้นจากโปรแกรม Ultherapy SPT โดยยังคงใช้พลังงานของ High-Intensity Focused Ultrasound หรือคลื่นอัลตราซาวนด์ความถี่สูงที่มีความแม่นยำสูง สามารถส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า มาพร้อมระบบประมวลผลที่เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ระยะเวลาในการรักษาลดลงประมาณ 20 นาที เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน เพราะการประมวลผลที่เร็วขึ้น จึงทำให้การยิงและการสแกนมีความรวดเร็วมากขึ้น ช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอย และ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรม Morpheus Pro
เป็นเทคโลยีในรูปเเบบ Golden Coated Needles นำส่งพลังงานคลื่นวิทยุแบบ Bipolar Radiofrequency โดยพลังงานปล่อยที่ปลายเข็ม ทำให้เกิดความร้อนบริเวณชั้นผิวที่ทำการรักษา ทำให้เกิด Bulk Sub-Necrotic Heat ช่วยทำให้ผิวหดตึงกระชับและกระตุ้นการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจนในผิวชั้นหนังแท้ ช่วยทำให้รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียน หน้ายก พร้อมช่วยลดไขมัน ทำให้กรอบหน้าดูชัดมีมิติ คงผลลัพธ์นานถึง 1-2 ปี
โปรแกรม Thermage FLX
โปรแกรม Thermage FLX เทคโนโลยียกกระชับที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Monopolar RF) ทำให้เกิดความร้อนสะสมใต้ผิวที่มากพอและเหมาะสม จนเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ผิวแน่นและมีความกระชับขึ้น ส่วนชั้นไขมันพลังงานความร้อนจะเข้าไปลดไขมันสะสมส่วนเกิน สามารถลดเหนียงได้
โปรแกรม Ultraformer III และ โปรแกรม Ultraformer MPT
โปรแกรม Ultraformer III คือ เทคโนโลยียกกระชับผิวด้วยคลื่น Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวตึงกระชับ ลดริ้วรอย และช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
ส่วนโปรแกรม Ultraformer MPT คือ เวอร์ชันอัปเกรดใหม่ล่าสุดของโปรแกรม Ultraformer III ที่ใช้เทคโนโลยี Micro Pulse Technology (MPT) ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับ และกระตุ้นคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น โดยมีจุดเด่น คือ พลังงานสม่ำเสมอขึ้น เจ็บน้อย และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
โปรแกรม Pico Laser
โปรแกรม Pico Laser รุ่น Discovery Pico กลุ่มเครื่อง Picosecond laser Nd: YAG ที่สามารถปล่อยพลังงานได้ 2 ความยาวคลื่น คือ 532 nm และ 1064 nm มีความสามารถในการดูดซับพลังงานโดยเมลานินและฮีโมโกลบิน ปล่อยพลังงานระดับสูงในระยะเวลาอันสั้น คือ 1 ต่อ ล้านล้านวินาที ใช้เวลาในการรักษาน้อยไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อรอบ ๆ ไม่เกิดการสะสมความร้อน ลดการเกิดผลข้างเคียง
- หัว Handpiece – Fractional
สามารถปล่อยพลังงานทำให้เกิดการจัดเรียงตัวใหม่ของคอลลาเจน เมื่อยิงลงไปแล้ว จะทำให้เกิดฟองอากาศใต้ผิว หรือ LIOB (Laser Induced Optical Breakdown) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน และผิวใหม่จากภายใน ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับและผิวเรียบเนียนมากขึ้น - หัว Handpiece Round / Full beam
ช่วยลดปัญหาความผิดปกติของเม็ดสี ที่เฉพาะเจาะจง เช่น กระ ฝ้า รอยสักที่ละเอียด กระชับผิว และทำให้ผิวกระจ่างใส
โปรแกรมทรีตเมนต์นวดหน้า
การทำทรีตเมนต์ด้วยสูตรเฉพาะของ Aestima Clinic เป็นทรีตเมนต์ที่ช่วยจัดการกับปัญหาผิวหน้าได้อย่างหลากหลาย ทั้งสูตรสำหรับรักษาสิว สูตรฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใส สูตรผิวหน้าตึงกระชับ สูตรลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูผิวและช่วยรักษาปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนได้เป็นอย่างดี และสามารถทำได้ทุก 1-2 สัปดาห์
สรุปและคำแนะนำสุดท้าย
การแก้ไขปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนและรูขุมขนกว้างต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ร่วมกับการดูแลผิวที่ถูกต้อง และการใช้เทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยด้วยหัตถการการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิว จะช่วยทำให้คุณมีผิวที่เรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพและมอบผลลัพธ์ที่ดีอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่าลืมว่าการปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิว และเลือกวางแผนการรักษาให้อย่างเหมาะสมตามปัญหาผิวโดยเฉพาะบุคคล
หากคุณกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนและรูขุมขนกว้าง ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เข้ามาปรึกษากับคุณหมอของเราที่ Aestima Clinic ก่อนได้ เรามีโปรแกรมการรักษาที่มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมให้บริการแล้ววันนี้!
